ชื่อเรื่อง : เชิญชวนชาวตำบลบ้านหว้าจัดทำถังขยะเปียกครัวเรือน ลดโลกร้อน
รายละเอียด : "ขยะเปียก" นับเป็นหนึ่งในขยะที่สร้างความรำคาญใจให้กับพ่อบ้านแม่บ้านมากที่สุด เพราะหากจัดการไม่ดี อาจก่อให้เกิดเชื้อโรค และส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมาได้ วันนี้บ้านไหนที่อยากจัดการกับขยะเปียกเจ้าปัญหาให้สิ้นซาก เรามีวิธีง่าย ๆ มาฝากกัน
การจัดการขยะนั้นต้องเริ่มแยกขยะตัวร้ายอย่างขยะเปียกออกจากขยะทั้งหมดก่อน ซึ่งขยะประเภทนี้ หากหมักหมมไว้นานโดยไม่ได้จัดการอย่างถูกวิธี นอกจากจะเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์ และเป็นแหล่งเชื้อโรคแล้ว ยังทำให้ขยะชนิดอื่น ๆ ที่อยู่ร่วมกันสกปรก และไม่สามารถเข้าสู่การบวนการรีไซเคิลได้
สำหรับการจัดการกับขยะเปียกนั้น กูรูท่านนี้ บอกว่า มีอยู่ 2 วิธี คือ เศษอาหารที่ยังไม่บูดเน่า เช่น กระดูกไก่ ก้างปลา น้ำแกง สับบดเป็นชิ้นเล็ก ๆ เป็นอาหารสัตว์ได้ ส่วนเศษอาหารที่บูดเน่าแล้วเหลือพืชผัก ไม่ว่าจะเป็นเปลือกผลไม้ เศษผัก หรือเศษใบไม้ สับ บด และป่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำมาเป็นจุลินทรีย์หมักทำปุ๋ยได้
อย่างไรก็ดี ในขั้นตอนการจัดการขยะให้เหลือศูนย์ หรือทำปุ๋ยนั้น ดร.สมไทย เผยว่า การหมักเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยกำจัดขยะเปียกแล้ว ยังได้น้ำปุ๋ยหมักชีวภาพไว้ใช้ในครัวเรือนอีกด้วย แต่ก่อนอื่นทุกบ้านต้องมีถังหมักประจำบ้านเสียก่อน ซึ่งมีวิธีการทำง่าย ๆ ดังนี้
1. ถังทำจาก ถังสีเก่าเหลือใช้ขนาด 20 ลิตร
2. เจาะรูตัวถังด้านล่างใส่ก๊อกน้ำพลาสติก เพื่อใช้เปิดปิดน้ำหมัก
3. ฝาด้านบนเจาะรู สำหรับให้ออกซิเจนถ่ายเทอากาศได้ดี เพื่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์
4. ใช้ตะกร้าพลาสติกวางลงไป ให้ช่องว่างระหว่างก้นตะกร้ากับพื้นถังห่างกันประมาณ 5 ซม. เพื่อให้น้ำแกงตกอยู่ด้านล่าง สำหรับเป็นปุ๋ยน้ำ แยกออกจากด้านบน เป็นกากย่อยสลาย
ส่วนวิธีการจัดการเศษอาหารด้วยถังหมักประจำบ้านนั้น มีส่วนประกอบที่สำคัญคือ เศษอาหาร 40 เปอร์เซ็นต์ เศษใบไม้ 30 เปอร์เซ็นต์ เศษผัก เศษเปลือกผลไม้ 30 เปอร์เซ็นต์ และจุลินทรีย์ EM 200 ซีซี. ผสมน้ำ 2 ลิตร
ขั้นตอนการทำ
1. นำส่วนผสมต่าง ๆ มาผสมเข้าด้วยกัน (เศษอาหาร ใบไม้ เศษผัก เศษผลไม้สับ หรือบดให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ และจุลินทรีย์ EM ผสมให้เข้ากัน (ใส่ลงในถังหมัก) พลิกทุก ๆ 2 วัน
2. ใช้ฝาถังที่มีช่องระบายอากาศ เพื่อให้ออกซิเจนถ่ายเทได้สะดวก เพื่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในการย่อยสลาย เปิดวาล์วรวบรวมน้ำหมักชีวภาพเพื่อนำไปใช้ประโยชน์
3. ระยะการบ่มหมัก 3 สัปดาห์ (21 วัน) สำหรับผลิตปุ๋ยหมัก
4. ควรเก็บไว้ในที่ร่ม เนื่องจากคุณสมบัติจุลินทรีย์ EM จะเติบโต และทำงานได้ดีในที่ร่ม เพื่อทำลายเชื้อแบคทีเรียที่ส่งกลิ่นเหม็น และทำการย่อยสลายขยะในอุณหภูมิที่ออกซิเจนถ่ายเทได้ดี ถ้านำออกไปตากแดด เกิดความร้อน จุลินทรีย์จะตาย ทำให้ขยะที่ต้องการหมักเน่าเสีย ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ชื่อไฟล์ : LKNUjrdTue40604.jpg
file_download
ดาวน์โหลดไฟล์นี้